ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น สาเหตุจากการละลายของธารน้ำแข็งทั่วโลก
ระดับน้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มีแนวโน้มลดลงอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ บรรดานักวิทยาศาสตร์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอ้างสาเหตุมาจากการละลายของธารน้ำแข็งทั่วโลก
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือไอพีซีซี (Intergovernmental Panel on Climate Change) แถลงในรายงานการประเมินครั้งที่ 5ว่า ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลก เพิ่มขึ้น 19 เซนติเมตร (7.6 นิ้ว) จากค่าเฉลี่ย 1.7 มิลลิเมตร (0.06 นิ้ว) ต่อปี ระหว่างปี 2544-2553 นี่เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 3.2 มิลลิเมตรต่อปี ระหว่างปี 2536-2553
แต่ในปี 2557 ผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง ก่อให้เกิดคำถามใหญ่ตามมา ซึ่งผลการศึกษาบอกว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล น้อยกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนหน้ามาก ซึ่งก็เพิ่มความหวังได้บ้างว่า มันยังห่างไกลจากภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ ทั้งรายงานการประเมินของไอพีซีซี และรายงานปี 2557 ต่างอยู่บนพื้นฐานการเฝ้าสังเกตระดับน้ำทะเลทางดาวเทียม แต่รายงาน 2 ชิ้นนี้ ก็ไม่สามารถที่จะนำมาใช้เป็นตัวแปรสำคัญ ในสิ่งที่เรียกว่า การเคลื่อนไหวของพื้นโลกในแนวตั้ง
นี่คือการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติในระดับความสูงเหนือพื้นผิวของโลก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการทรุดตัว, แผ่นดินไหว หรือการยกตัวขึ้นของพื้นโลก
ตัวอย่างเช่น หลายพื้นที่ของซีกโลกเหนือ ระดับน้ำทะเลยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากสิ้นสุดยุคน้ำแข็งยุคสุดท้าย แผ่นดินถูกบีบโดยน้ำหนักของธารน้ำแข็ง และแม้แต่วันนี้ มันก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ หลายพันปีหลังจากน้ำแข็งละลาย
ผลการศึกษาชิ้นใหม่ ซึ่งเผยแพร่ในวารสาร เนเจอร์ ไคลเมต เชนจ์ (Nature Climate Change) ก็ระบุว่า การเคลื่อนไหวของพื้นโลกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล เช่นเดียวกับสถิติที่สำคัญ คือข้อมูลรายชั่วโมงจากเครือข่ายมาตรวัดระดับน้ำที่ติดตั้งอยู่รอบมหาสมุทรทั่วโลก
พบว่า อัตราการเพิ่มของระดับน้ำทะเลโดยรวมระหว่างปี 2536 และกลางปี 2557 อยู่ระหว่าง 2.6 และ 2.9 มิลลิเมตร ต่อปี บวก-ลบ 0.4 มิลลิเมตร ข่าวร้ายก็คือว่า 6 ปีแรกของข้อมูลดาวเทียม ปี 2536-2542 เป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากการแก้ไขข้อมูลเหล่านี้ โดยในช่วง 6 ปี การประเมินได้ลดตัวเลขลงประมาณ 0.9-1.5 มิลลิเมตรต่อปี
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ในช่วงหลายปีต่อมา อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มากกว่าที่จะลดลง ตามเอกสารรายงานของคณะของนายคริสโตเฟอร์ วัตสัน แห่งมหาวิทยาลัยทัสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย
คณะของนายวัตสัน ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล สูงกว่าการเพิ่มขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่เริ่มมีการสังเกต แต่ในข้อตกลงที่สมเหตุสมผลฉบับหนึ่งเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของระดับน้ำทะเล ได้มาจากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์และเวสต์ แอนตาร์กติกในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ มันยังคงสอดคล้องกับการคาดการณ์ของไอพีซีซี ที่บอกว่า ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นในระดับ 0.07 มิลลิเมตรในทุก ๆ 10 ปี ของศตวรรษที่ 21 โดยไอพีซีซี คาดว่า ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยทั่วโลก อาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 40 และ 63 เซนติเมตรภายในสิ้นศตวรรษนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า จะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกมากน้อยแค่ไหน และบางทีอาจสูงถึง 83 เซนติเมตรก็ได้
ระดับน้ำในมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนหลายร้อยล้านคนที่มีถิ่นพักอาศัยอยู่ชายฝั่งทะเล หลายเมืองของพวกเขาอาจถูกคุกคามจากกัดเซาะผิวดิน, น้ำท่วมและคลื่นซัดฝั่ง และน้ำใต้ดินตกอยู่ในอันตรายจากการรุกเข้ามาของน้ำเค็ม แต่มันก็ยังเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดที่แก้ไม่ตกในวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศโลกด้วย รูปแบบคอมพิวเตอร์ต้องพยายามประเมินว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลมีมากน้อยขนาดไหน จากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ, ระดับความอุ่นของน้ำทะเล หรือการละลายของธารน้ำแข็ง
ไอพีซีซี ระบุว่า การละลายของธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ บางทีอาจเพิ่มสูงจาก 34,000 ล้านตันต่อปี ในระยะเวลา 10 ปี ถึงปี 2544 ถึง 215,000 ล้านตันต่อปี ใน 10 ปีต่อมา ส่วนในขั้วโลกใต้ หรือแอนตาร์กติกา อัตราการละลายของธารน้ำแข็ง ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจาก 30,000 ล้านตันต่อปี เป็น 147,000 ล้านตันต่อปี ในช่วงเวลาเดียวกัน